หลังจากกัญชาได้ถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษชนิดที่ 5 เปิดให้ประชาชนสามารถใช้กัญชาได้อย่างเสรีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปลูก การจำหน่าย การใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และกัญชายังนำมารังสรรค์ให้กลายเป็นเมนูอาหาร เบเกอรี่ หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันมาก แต่การนำกัญชามาประกอบอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น หากใส่กัญชาเกินปริมาณที่กำหนด ก็อาจจะทำให้คนที่ทานเข้าไปมีอาการเมากัญชาได้ หรือบางคนอาจจะแพ้กัญชาได้เหมือนกัน นั่นก็เพราะว่ากัญชามีสาร THC ซึ่งเป็นสารเสพติดและสารเมา จึงอาจจะส่งผลข้างเคียงได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้กัญชา เราก็มาเช็กอาการเมากัญชาเป็นแบบไหน และมีวิธีแก้เมากัญชาอย่างไรบ้าง มาดูกัน
อาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชาเป็นอย่างไร
อาการเมากัญชา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะพบกับผู้ที่ใช้กัญชาเป็นครั้งแรกในรูปแบบยาและอาหาร ดังนั้นควรเริ่มจากการรับประทานกัญชาในปริมาณน้อย ๆ จากนั้นให้เราสังเกตอาการตอบสนองต่อกัญชา ซึ่งอาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชาของแต่ละคนนั้น จะมีอาการมากน้อยแตกต่างกันไป ลองมากันสิว่าอาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชานั้นเป็นอย่างไร ดังนี้
- อาการเมากัญชา (มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- ตาแดง
- วิงเวียนศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ง่วงนอนมากกว่าปกติ
- มีการตอบสนองที่ช้าลง
- ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ
- หัวใจเต้นเร็ว ความดันเพิ่มขึ้น
- อาการแพ้กัญชา ลักษณะของอาการคล้าย ๆ กับคนแพ้ยาทั่วไปเลย โดยมีอาการดังนี้
- ตาบวม
- ปากบวม
- อาการผื่นขึ้น
อาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชารุนแรงแค่ไหนจึงควรพบแพทย์
อาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชาของแต่ละคนนั้น มีอาการเมาหรือแพ้มากน้อยไม่เท่ากันเลย โดยผลข้างเคียงของกัญชาที่รุนแรงจนต้องไปพบแพทย์ ได้แก่
- พูดคนเดียว
- เหงื่อแตกตัวสั่น
- เดินเซ พูดไม่ชัด
- เป็นลมหมดสติ
- อารมณ์แปรปรวน
- หูแว่ว เห็นภาพหลอน
- อึดอัดจนหายใจไม่สะดวก
- เจ็บหน้าอกจนร้าวไปที่แขน
- หัวใจเต้นเร็วและรัวผิดจังหวะ
- เกิดความสับส กระวนกระวาย
- มีความวิตกกังวล หวาดระแวงไม่สมเหตุสมผล
- เห็นภาพหลอน เกิดภาพลวงตา ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ดังนั้น หากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรงดังกล่าว ควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยทันที ถึงแม้กัญชาจะมีสรรพคุณและประโยชน์มากมาย แต่ในขณะเดียวกันกัญชาก็มีโทษที่ไม่ธรรมดาเลย จนอาจทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้
ระยะเวลาที่มีอาการเมากัญชา
โดยทั่วไปแล้วอาการเมากัญชาหรืออาการแพ้กัญชา จะเกิดขึ้นหลังจากใช้หรือรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง และสารกัญชาอาจจะหลงเหลืออยู่ในร่างกายนานหลายวัน หรือหลายเดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้กัญชานั่นเอง
วิธีแก้เมากัญชาหรืออาการแพ้กัญชาได้อย่างไร
หากมีอาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชานั้น เราสามารถมีวิธีแก้เมากัญชาด้วยตัวเองเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ดังนี้
- กรณีรู้สึกตัวปากแห้งหรือคอแห้ง ควรให้ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ หรือดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลทราย
- หากมีอาการมึนเมา แนะนำให้บีบมะนาวครึ่งลูกผสมเกลือปลายช้อนแล้วกินได้เลย หรือเคี้ยวพริกไทยสามารถช่วยแก้อาการเมาได้
- หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาการคลื่นไส้ อาการอาเจียน ควรดื่มชาชงขิงหรือน้ำขิง หรือชงรางจืด ให้ดื่มวันละ 3 เวลา จะช่วยแก้อาการโคลงเคลงได้ดี แล้วอาการวิงเวียนศีรษะจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นระยะ
ทั้งนี้ กรณีที่เกิดอาการเมากัญชาหรือแพ้กัญชา แล้วลองทำตามวิธีแก้เมากัญชาตามนี้แล้ว แต่ยังรู้สึกว่าอาการหนักอยู่ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเลย
ปริมาณกัญชาในอาหารแค่ไหนถึงจะปลอดภัย
สำหรับปริมาณของกัญชาที่ใส่ในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น กรมอนามัยได้แนะนำปริมาณใบกัญชาต่อเมนู ดังนี้
- อาหารประเภททอด น้ำหนัก 51 กรัม ควรใช้ใบกัญชา 1 – 2 ใบสด / ทอดไข่เจียว ควรใส่แค่ครึ่งใบ – 1 ใบสด เนื่องจากสาร THC และ CBD ละลายได้ดีในน้ำมัน
- อาหารประเภทผัด น้ำหนัก 74 กรัม แนะนำให้ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- อาหารประเภทแกง น้ำหนัก 614 กรัม แนะนำให้ใช้ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- อาหารประเภทต้ม น้ำหนัก 614 กรัม แนะนำให้ใช้ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- ผสมกัญชาในเครื่องดื่ม ขนาด 200 มิลลิลิตร แนะนำให้ใช้ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
จริงอยู่ที่ว่ากัญชาเป็นพืชสมุนไพรสรรพคุณและประโยชน์มากมาย สามารถนำมาใช้ได้หลายรูปแบบ ใช้ทั้งเป็นส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสารที่ทำให้เสพติด โดยเฉพาะในส่วนของช่อดอกกัญชาจะมีสาร THC ค่อนข้างสูง ดังนั้น การใช้กัญชาอาจทำให้เกิดอาการเมากัญชาหรืออาการแพ้กัญชาได้ ดังนั้น ก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์และเริ่มใช้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ใครอยากรู้ว่าน้ำมันกัญชาและกัญชามีสรรพคุณอะไรบ้าง สามารถใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง ติดตามอ่านบทความดี ๆ ที่เว็บไซต์ Greenbird ได้เลย