กัญชา จัดอยู่ในพืชล้มลุกคล้ายต้นหญ้า ที่มีสารเคมีสำคัญอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของต้นกัญชา ไม่ว่าจะเป็นช่อดอกกัญชา ใบกัญชา และรากกัญชา ซึ่งแต่ละส่วนของกัญชานั้นจะมีสรรพคุณประโยชน์และโทษแตกต่างกันออกไป เนื่องจากตามส่วนต่าง ๆ ของกัญชาจะมีสารเคมีสำคัญที่ชื่อว่า Cannabinoids ซึ่งมีฤทธิ์สำคัญได้แก่ THC และ CBD วันนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความรู้จัก “ดอกกัญชา” มีลักษณะอย่างไร สรรพคุณของช่อดอกกัญชาที่มีต่อทางการแพทย์ สามารถนำมาใช้รักษาโรคอะไรบ้างได้ ติดตามอ่านไปพร้อมกันได้เลย
ลักษณะของดอกกัญชา
ต้นกัญชา มีลักษณะออกดอกเป็นช่อเล็ก ๆ อยู่ตรงบริเวณง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองหรือสีเขียว ซึ่งดอกกัญชามีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ ดอกกัญชาชนิดที่มีดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ในต้นเดียวกัน (Monoecious) และดอกกัญชาชนิดดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกันอยู่คนละต้น (Dioecious) ช่อดอกและใบของต้นเพศผู้จะจัดเรียงตัวกันแบบห่าง ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากต้นเพศเมียที่จะเรียงชิดกัน ดอกเล็ก และดอกเพศเมียจะมีกลีบเลี้ยงหุ้มอยู่ โดยส่วนใหญ่แล้วประเทศไทยพบว่า พืชกัญชามีดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ซึ่งจะออกดอกเป็นช่ออยู่ตามซอกใบและปลายยอด ดอกเพศผู้เป็นช่อดอกเพศผู้เป็นแบบ Panicle ประกอบไปด้วยกลีบเลี้ยง 5 กลีบ แยกกันเป็นอิสระมีสีเขียวอมเหลือง ในส่วนของดอกเพศเมีย เกิดตามซอกใบและปลายยอด ตรงบริเวณช่อดอกจะอัดตัวกันแน่น ช่อดอกเป็นแบบ Spike ประกอบด้วย กลีบเลี้ยงสีเขียวเข้มห่อหุ้มรังไข่ไว้ ภายในมี Stigma 2 อัน สีน้ำตาลแดง และยังมี Glandular trichomes เป็นส่วนของพืชกัญชาที่มีอยู่หนาแน่นตรงบริเวณช่อดอก
วิธีการแยกเพศของกัญชา
ดอกกัญชา แบ่งออกเป็น 2 เพศหลัก ๆ ได้แก่ กัญชาตัวผู้ และกัญชาตัวเมีย ซึ่งแต่ละเพศจะมีลักษณะโดดเด่นที่แตกต่างกัน สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้
กัญชาตัวผู้
- ผอมมากกว่ากัญชาตัวเมีย
- ใบไม่มาก และไม่มีกิ่งแขนง
- ลำต้นสูงกว่าและเจริญเติบโตรวดเร็ว
- มีเม็ดกลม ๆ ตรงข้อต่อของก้านใบกับลำต้น ไม่มีขน
- กัญชาตัวผู้ไม่ออกดอก และมีค่าของสาร THC ต่ำมาก
- กัญชาตัวผู้ผลิตละอองเรณูที่เป็นตัวแปรในการผสมพันธุ์
กัญชาตัวเมีย
- แข็งแรงมากกว่ากัญชาตัวผู้
- มีลักษณะหุบไม่สุด และบาน
- มีสีเหลืองอ่อน ๆ สีครีม และสีขาว
- เม็ดกลมเล็กอยู่ระหว่างข้อต่อของก้านใบกับลำต้น และมีขนสีขาวที่เป็นเกสร
“ดอกกัญชา” มีสารสำคัญที่มีสรรพคุณทางการแพทย์
ดอกกัญชา จัดเป็นๅๅส่วนหนึ่งของต้นกัญชาที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ทางการแพทย์ เนื่องจาก “ดอกกัญชา” ที่มีสารสำคัญด้วยกัน 4 กลุ่ม ดังนี้
1. สารกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids)
- Tetrahydrocannabinol (THC) : ช่วยบรรเทาอาการปวด ต้านการอาเจียน ต้านมะเร็ง ช่วยลดความดันในลูกตา ช่วยให้เจริญอาหาร
- Cannabidiol (CBD) : ต้านการอักเสบแก้ปวด ต้านมะเร็ง ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ป้องกันอาการจิตเสื่อม ช่วยลดอาการวิตกกังวล ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ป้องกันโรคนอนไม่หลับ และลดอาการชัก
- Complete Blood Count (CBC) : ช่วยลดการอักเสบ
- Cannabigerol (CBG) : ช่วยทำให้นอนหลับสบาย คลายกล้ามเนื้อ และแก้อาการปวด
- Cannabinol (CBN) : ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยปกป้องเซลล์สมอง สามารถต้านการอักเสบและช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง
2. สารกลุ่มเทอร์พีน (Terpenes)
สารกลุ่มนี้ช่วยต้านโรคมะเร็งบางชนิดได้ ต้ายจุลชีพ ต้านเชื้อรา ต้านไวรัส ช่วยลดน้ำตาลในเลือดสูง ยาแก้ปวด ช่วยลดการอักเสบ ต้านปรสิต และช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ
3. สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
สารกลุ่มนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดโรคเรื้อรังชนิดต่าง ๆ ยังมีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบสมอง ระบบเส้นเลือดและหัวใจ
4. สารกลุ่มฟีนอล (Phenol compounds)
สารกลุ่มนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
ดอกกัญชาสามารถนำมารักษาโรคอะไรได้บ้าง
ช่อดอกกัญชา มีสรรพคุณมากมายไม่ต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของต้นกัญชาเลย จึงทำให้ดอกกัญชาได้รับความนิยมนำมาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อรักษาอาการโรคต่าง ๆ ดังนี้
- ช่วยลดอาการเจ็บปวดจากโรคไขข้ออักเสบได้
- รักษาแก้โรคเส้นประสาท เช่น นอนไม่หลับ คิดมาก เป็นต้น
- ช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหาร ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น
- ดอกกัญชานำมาผสมกับยาฉุนพญามือเหล็ก ใช้เป็นยาช่วยขจัดเสมหะในลำคอ
ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องราวน่ารู้ของ “ดอกกัญชา” เรียกได้ว่ามีสรรพคุณทางการแพทย์มากมาย แต่ถ้าใครจะนำดอกกัญชามาใช้รักษาทางแพทย์นั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้กัญชารักษาทุกครั้งโดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว และไม่ควรหาซื้อดอกกัญชามาใช้รักษาเอง ถึงแม้กัญชาจะถูกปลดล็อกให้ใช้ได้อย่างเสรี เพียงแต่ว่าช่อดอกกัญชายังถูกควบคุม หากมีการซื้อขายอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ ส่วนใครอยากหาความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคต่าง ๆ ติดตามอ่านบทความดี ๆ ที่เว็บไซต์ Greenbird ที่ได้รวบรวมข้อมูลมากมายไว้ที่นี่