กัญชาเสรีพืชสมุนไพรที่ทุกคนต่างอยากครอบครอง

กัญชาเสรีหนึ่งในคำนิยามที่คนไทยต้องการให้ได้รับมามากที่สุดเนื่องจากพืชสมุนไพรชนิดนี้เป็นที่ต้องการของตลาดมาเป็นเวลายาวนานและยังไม่ถูกผลักดันให้เป็นพืชที่สามารถมีไว้ครอบครองอย่างถูกกฏหมายได้อีกทั้งสรรพคุณของตัวสมุนไพรดังกล่าวนั้นค่อนข้างสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัดอีกด้วย โดยในข้อจำกัดคำของกัญชาทั่วโลกนั้นได้นิยามไว้ว่า กัญชาเสรี คือสิ่งที่ผู้คนสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้ไม่มีแบ่งแยกชนชั้นหรือดินแดนนั้นเองโดยสมุนไพรดังกล่าวได้ถูกนำไปสอดแทรกลงในตำนานเพลงอย่างบ็อบ มาร์เลย์

กัญชาเสรีกับวลีแห่งศาสดาอย่างบ็อบ มาร์เลย์  หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกและตลอดกาล เมื่อคุณพูดถึงสมุนไพรที่ได้รับความแพร่หลายที่สุดในโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน บ็อบ มาร์เลย์คือนักร้องที่ได้นำเอาภาพลักษณ์ของสมุนรไพรชนิดนี้เข้ามาแพร่หลายสู่ผู้คนทั่วโลก ด้วยการนำสัญลักษณ์มาประดับและตกแต่งในชีวิตของเขาและอัลบัมเพลงของเขาเองด้วย อีกทั้งเนื้อหาและใจความของเพลงนั้นยังมีส่วนต่างๆถูกผสมลงไปในนั้นและสื่อความหมาย โดยเพลงของเขาแฝงปรัชญาด้วยความหมายที่สื่อสารออกมาในความจริงใจรวมด้วยพลังงานของตัวบ็อบเองด้วยทำให้ผลงานของเขาได้รับความนิยมไปทั่วโลกและวลีแห่งประติศาสต์อย่างคำว่ากัญชาเสรีก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากแนวคิดของเขานี้เอง โดยเขาได้ต่อสู้กับกฏหมายของกัญชาที่ในขณะนั้นถูกมองว่าเป็นเพียงยาเสพย์ติดชนิดหนึ่งเท่านั้นจนได้รับการยอมรับจากประเทศบางประเทศและผู้คนในส่วนกว้างว่ากัญชาไม่ใช่สมุนไพรที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมนุษย์แต่นั้นเป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดความคิดและจิตใจสงบ และในลัทธิและความเชื่อของบ็อบ มาร์เลย์เองนั้นก็ยังให้ความเชื่อถือในสมุนไพรชนิดนี้ว่าผู้ที่ใช้งานนั้นจะทำให้เกิดปัญญาที่มากถึงขีดสุดอีกด้วย  เป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดความร่าเริงและเสียงหัวเราะ

กัญชาเสรีนำมาซึ่งความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหลังจากการต่อสู้อย่างยาวนานของศิลปินผู้ผลักดันในกัญชานั้นให้เป็นพืชที่ถูกต้องตามกฏหมายดนตรีและแนวคิดถูกผสมลงกับส่วนหนึ่งของชีวิตอีกทั้งการนำเรื่องความเชื่อเพียงอย่างเดียวที่มีต่อกัญชาที่ได้รับความเชื่อในลัทธิเป็นต่อผลักดันทำให้สิ่งนั้นเกิดเป็นแรงกระเพื่อมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ และนับว่าเกิดเรื่องที่ต้องถูกจารึกไว้ในโลกใบนี้เลยก็ว่าได้เมื่อ ประธานาธิบดีแห่งจาไมกา และผู้นำฝ่ายค้านพร้อมใจกันจับมือบนเวทีของการแสดงบ็อบ มาร์เลย์ในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.1978  นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องถูกกล่าวคานไปอีกนาน เพราะเหตุการณ์ดังล่าวเกิดขึ้นได้จากการนำแนวคิดของคำว่ากัญชาเสรีมาเป็นตังตั้งต้นและสิ่งนั้นแสดงผลลัพท์ออกมาให้ชาวโลกได้ประจักษ์แก่สายตาอย่างชัดเจนแล้วว่าพืชที่ทุกคนเคยมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีหรือเป็นเพียงยาเสพติดนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่นำพาให้เกิดความร่วมมือของกลุ่มสองกลุ่มในสภาพของสังคมที่มีความเชื่อและความเกลียดชั่งกันให้กลับมาร่วมมือและร่วมพลังกันได้ในที่สุด

กัญชาเสรีจึงไม่ใช่เพียงคำกล่าวที่พูดเพียงให้เกิดความสวยหรูเท่านั้นแต่สิ่งนี้นำมาถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม การให้อภัยและการสามัคคี โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเองมีความเชื่อที่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้อย่างยิ่งเพราะเมื่อลองวิเคราะห์และมองไปยังภาพของผู้ที่นิยมในการใช้งานสมุนไพรชนิดนี้แล้วกลับพบว่าไม่มีภาพแห่งความรุนแรงหรือภาพของความขัดแย้งที่เคยปรากฏตามสื่อต่างๆในหน้าสังคมแต่อย่างใด กลับกันไม่ว่าจะเป็นภาพผู้ที่ถูกเข้าจับกุมหรือสื่อที่ปรากฏออกมาให้เราได้เห็นกันตามที่ต่างๆนั้นแม้แต่ผู้ที่กำลังต้องโดนดำเนินคดีในข้อหาการมีสมุนไพรต้องห้ามนี้ไว้ครอบครองกลับมาสีหน้าแห่งความสุขและไม่มีภาพที่เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด ดังนั้นกัญชาเสรีนั้นจึงควรถูกหยิบยกออกมาพูดคุยกับสังคมของบ้านเราอีกครั้งหนึ่งแล้วละว่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นและควรถูกผลักดันให้เป็นเรื่องของสิ่งที่ถูกกฏหมายเสียที และประชาชนทั่วไปควรมีสิทธิในการใช้งานหรือครอบครองสมุนไพรชนิดนี้แบบไม่มีข้อแม่แต่อย่างใดได้อย่างเต็มที่เสียที

อ้างอิง 

https://guru.sanook.com/4137/

https://sites.google.com/site/dxkmimimi/prawati

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A_%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *