เมื่อพูดถึงกัญชา หลายคนคงจะคุ้นเคยกันดีว่าเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ส่วนกัญชงนั้น มีชื่อที่คล้ายๆกันและมีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับกัญชา แต่ออกฤทธิ์ต่อประสาทน้อยกว่าและมีสารที่ช่วยในการรักษาโรคบางชนิดที่สูงกว่ากัญชา ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่าง ดังที่เราจะนำมาเสนอให้คุณได้รู้ว่าประโยชน์กัญชาและกัญชงมีอะไรบ้างดังรายละเอียดต่อไปนี้
ประโยชน์กัญชาและกัญชงที่น่าสนใจ
ประโยชน์ของกัญชา
กัญชา เป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่ทำให้เมาและติด แต่ในขณะเดียวกันก็มีสารที่เป็นประโยชน์ทางยาอยู่ด้วยกันหลายชนิดอย่าง CBD หรือ Cannabinoid รวมถึงสรรพคุณอื่นๆที่เป็นประโยชน์ ดังนี้
- เมล็ดกัญชา ช่วยในการระบาย จึงใช้ในการรักษาอาการท้องผูก รวมถึงใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับม้าม,กระเพาะ และลำไส้ใหญ่
- รากกัญชา ช่วยในการลดอาการปวด ช่วยฆ่าเชื้อโรคและต้านการอักเสบ
- ใบกัญชา มีสารที่ทำให้เมาแต่มีปริมาณน้อย กินสดๆได้ จึงนำไปทำเป็นอาหาร เช่น ใส่ในแกงเพื่อทำให้อาหารมีรสชาติที่ดีขึ้น
- ใบกัญชามีคุณสมบัติอีกอย่างคือช่วยในการลดปวด จึงมักนำมาใช้ในการแก้อาการปวดฟันโดยใช้ใบสดขยี้พอแหลกแล้วนำไปพอกบริเวณฟันที่ปวด หรือนำใบไปต้มแล้วนำมาดื่มเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยของร่างกาย
- แก้อาการคันศีรษะ ผมร่วง โดยสามารถนำใบกัญชาไปบดให้ละเอียดก่อนจะนำมาผสมน้ำต้มสุก พอกให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วค่อยล้างออกให้สะอาด
ประโยชน์ของกัญชง
กัญชง เป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายกัญชา มักใช้ประโยชน์ในด้านการนำมาทำเป็นสิ่งทอ และมีส่วนประกอบของสาร CBD หรือ Cannabinoid ที่สูงกกว่ากัญชาที่มักนำมาใช้ประโยชนืในด้านของการรักษาโรค โดยประโยชน์ของกัญชงมีดังนี้
- ใบกัญชง มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง ทั้งการช่วยในการบำรุงโลหิต ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ,รักษาอาการไมเกรน วิงเวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะได้ รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคท้องร่วงหรือโรคบิดได้อีกด้วย
- เมล็ด สามารถนำมาใช้ในการช่วยสลายนิ่ว โดยจะนำมาเคี้ยวสดๆ และยังสามารถนำไปสกัดเป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3,6,9 ,กรดไขมัน และวิตามินอี ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งช่วยในการป้องกันมะเร็ง
- เมล็ดกัญชงยังอุดมไปด้วยโปรตีน ที่สามารถใช้ทดแทนถั่วเหลืองและนำไปทำเป็นชีส,นม,เต้าหู้ และอาหารอื่นๆได้อีกหลายชนิด
จะเห็นได้ว่าประโยชน์กัญชาและกัญชงนั้นมีอยู่ด้วยกันอย่างมากมาย แต่การจะใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดโดยเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายน้อยที่สุดนั้น ต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญและใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามความจำเป็นเท่านั้น