รอบรู้เกี่ยวกับการปลูกกัญชาในประเทศไทย

เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่าในปัจจุบันนี้เราสามารถปลูกกัญชาในประเทศไทยได้แล้วโดยขั้นตอนวิธีการนั้นจำเป็นต้องรวมตัวกัน 7 คนขึ้นไปเพื่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนเสียก่อน หลังจากนั้นให้ทำการติดต่อกับโรงพยาบาลเพื่อขอรับสัญญาในการปลูกกัญชา โดยเพื่อนๆจะได้รับต้นกัญชามาจำนวน 6 ต้นต่อครัวเรือนเท่านั้น ว่ากันง่ายๆคือได้รับคนละ 6 ต้น และมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่คือห้ามเสพหรือปลูกเพื่อใช้ในทางด้านยาเสพติดเด็ดขาด  เช่นช่อ ดอก ใบที่ติดช่อดอก ห้ามนำไปประกอบกิจกรรมใดๆก็ตามที่อาจก่อให้เกิดการมึนเมานั้นเองครับ

ปลูกกัญชาแบบถูกกฏหมาย หลายๆคนอาจเคยใฝ่ฝันที่จะต้องการใช้งานสมุนไพรชนิดนี้มานาน โดยในปัจจุบันนี้มีการเปิดให้ปลูกได้อย่างถูกกฏหมาย แต่ไม่ถึงกับเป็นสิ่งเสรี เพราะมีข้อจำกัดที่ระบุไว้ในสัญญาการปลูกอย่างชัดเจน โดยตอนนี้ยังไม่พบปัญหาหรือการร้องเรียนใดๆที่เป็นข้อเด่นชัดจากการขอปลูกและการทำสัญญากับทางโรงพยาบาล โดยสิ่งที่สามารถนำมาต่อยอดได้ในทางการแพทย์นั้นถืออว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ด้านการรักษาอย่างแท้จริง เพราะเมื่อคุณทำการปลูกกัญชาโดยการควบคุมจากสัญญาทางด้านกฏหมายนั้น ผู้ปลูกจำเป็นต้องทำสัญญาซึ่งในจุดนี้ยังเป็นเพียงการนำส่งโรงพยาบาล หากท่านยังไม่ค่อยเข้าใจและคิดไม่ออก ให้คิดเสียว่าโรงพยาบาลจ้างให้ท่านปลูกกัญชาเพื่อนำส่งให้แก่โรงพยาบาลเอง โดยจะนำไปผลิตเป็นยาเพื่อขายให้แก่ประชาชนต่อไปในภายหน้านั้นเอง มองในจุดนี้ยังเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์และธุรกิจให้แก่นายทุนที่รับผลิตยาขนาดใหญ่อยู่นั้นเอง

ปลูกกัญชาโดยมีข้อผูกมัดส่วนต่างๆที่สามารถผลิตเป็นตัวยาได้หรือสกัดเพื่อให้ได้น้ำมันกัญชาออกมาได้นั้นจำเป็นต้องนำส่งให้กับโรงพยาบาลเพื่อขาย  อีกทั้งราคาที่กำหนดนั้นยังไม่มีบอกแน่ชัดเป็นราคากลางทำให้ประชาชนบางพื้นที่เกิดความกังวลในการปลูกกัญชาว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่ดีได้หรือไม่ อีกทั้งการจำกัดจำเขี่ยที่ให้ปลูกเพียง  6 ต้นต่อครัวเรือนมองในทางด้านเกษตรกรแล้วคงเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่ากับระยะเวลาที่เสียไป ทางผู้เขียนต้องเรียนให้ผู้อ่านได้ทราบโดยตรงว่าผลผลิตที่เกิดจากต้นกัญชานั้นไม่สามารถที่จะคาดหวังได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางครั้งต้นไม้สมุนไพรชนิดนี้ก็สามารถที่จะตายยืนต้นได้เช่นกัน ดังนั้นการปลูกจึงไม่สามารถคาดหวังในปริมาณผลผลิตได้ตามที่คิด อีกทั้งปัจจัยในการดูแลก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา สมุนไพรชนิดนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ โดยเฉลี่ยจะไม่ค่อยแข็งแรงเสียเท่าไหร่  ลองคิดภาพว่าเพื่อนๆลงทุนปลูก 6 ต้นเพื่อจะขายให้โรงพยาบาลซึ่งกินระยะเวลาเฉลี่ย 45 วัน ขึ้นไป และในท้ายที่สุดมีต้นที่ตายหรือไม่ได้ผลผลิตตามต้องการ 2-3  ต้นนั้นแสดงว่าการปลูกในรอบนั้นๆเพื่อนๆจะขาดเงินในส่วนที่ควรได้ไปถึงครึ่งหนึ่ง  ในส่วนนี้ผู้เขียนมองว่าควรให้มีการปลูกได้มากกว่า 6 ต้นหรือทำเป็นชมรมในการดูแลอย่างจริงจัง  โดยไม่จำเป็นต้องผูกขาดในการขายให้กับโรงพยาบาลเพื่อที่ราคาของกัญชานั้นจะไม่ได้ต้องถุกกำหนดตายตัวนั้นเอง

อนาคตการปลูกกัญชาที่ควรเป็นไปในส่วนนี้ผู้เขียนเองมองว่ากัญชานั้นมีคุณค่าทางตัวยาที่สูงและเป็นที่ต้องการของตลาดผู้ใช้งานมากทั่วโลก หากรัฐบาลไทยสามารถเล็งเห็นได้ว่าการเปิดเสรีให้ในเกษตรกรสามารถปลูกกันได้อย่างเสรีหรือสามารถที่จะทำการค้าขายได้อย่างไร้ข้อผูกมัด ผู้เขียนเชื่อว่าจะทำให้การสร้างรายได้ในประเทศไทยของเรานั้นสามารถต่อยอดไปได้อีกมาก โดยจะเห็นได้ว่าเพียงการนำใบกัญชามาเป็นตัวชูโรงในการค้าขายในปัจจุบันนี้ก็สามารถสร้างกระแสความต้องการในกลุ่มผู้ซื้อได้เป็นอย่งมาก อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้เป็นมหาศาลให้กับผู้ค้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำมาประกอบอาหาร เครื่องดื่ม หรือเป็นจุดถ่ายรูปเองก็ตาม ซึ่งการปลูกกัญชาอย่างเสรีนั้นจะช่วยให้คนไทยสามารถที่จะมีพืชเศรษฐกิจอีกทั้งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในประเทศของเราได้มากขึ้นอีกด้วย  หรือหากรัฐบาลจะมองเห็นถึงวิธีการควบคุมที่สามารถค้าขายหรือใช้งาน ดอก ช่อ เมล็ดได้นั้นก็จะทำให้การปลูกกัญชาในประเทศของเราสร้างความหลากหลายและต่อยอดให้ประเทศเกิดการพัฒนาได้อีกมาก

อ้างอิง

https://www.prachachat.net/general/news-625013

https://cannabis.fda.moph.go.th/form/form-farm/

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *