รู้ทัน 5 เรื่องเข้าใจผิด เกี่ยวกับกัญชา

รู้จัก 5 เรื่องเข้าใจผิดของกัญชา และประโยชน์ของน้ำมันกัญชา

ในช่วงปีที่ผ่านมา ชื่อของ ‘กัญชา’ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีคนพูดถึงมากที่สุด ทั้งเรื่องของข้อดีและข้อเสีย ที่มีการถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ ซึ่งในบางครั้งกัญชายังถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายที่ให้ผลเสียมากกว่ามีประโยชน์ แต่ความเป็นจริงแล้วจะเป็นอย่างไร? วันนี้เราจะพาไปสร้างความกระจ่างกับ 5 เรื่องเข้าใจผิดที่มีต่อกัญชากัน

 

1. กัญชาออกฤทธิ์เหมือนกันกับทุกคน

หลายคนคาดหวังว่ากัญชาจะออกฤทธิ์และให้ความรู้สึกเหมือนอย่างที่เคยได้ยินมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วร่างกายคนเรามีความแปรปรวนทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน จึงส่งผลให้เอนไซม์ในร่างกายของเราทำงานแตกต่างกันออกไป

ก็เหมือนกับการดื่มแอลกอฮอล์ที่แต่ละคนมีอาการหลังการดื่มที่ไม่เหมือนกัน กัญชาก็เช่นกัน ซึ่งบางคนอาจมีความคาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ที่เหมือนจากคำบอกเล่า หรือเหมือนกับผู้อื่น แต่กลับออกฤทธิ์แตกต่างไปในทางตรงกันข้าม จึงอาจทำให้บางคนผิดหวังได้

 

2. กัญชาแต่ละสายพันธุ์ออกฤทธิ์ต่อร่างกายไม่เหมือนกัน

มักมีคำโฆษณาถึงสมบัติเด่นของกัญชาแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่พบบ่อยได้แก่ สายพันธุ์ซาติวา (Cannabis sativa) สายพันธุ์อินดิกา (Cannabis indica) และสายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis) ซึ่งได้มีการอ้างถึงสรรพคุณของกัญชาแต่ละชนิด แต่ผลการศึกษาจากหลายแหล่งยังไม่มีการฟันธงว่ากัญชาแต่ละสายพันธุ์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเป็นพิเศษ

สำหรับสายพันธุ์ซาติวาจะมีลำต้นที่สูง ใบเรียวยาว และมีความเชื่อกันว่า สายพันธุ์นี้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทและส่งผลทางจิตสูงกว่าสายพันธุ์อินดิกา ซึ่งสายพันธุ์อินดิกานั้นจะมีใบที่สั้น กว้าง และสามารถออกฤทธิ์ระงับประสาท ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง ส่วนสายพันธุ์รูเดอราลิส จะมีลำต้นเตี้ยที่สุด และมักนำไปผสมข้ามสายพันธุ์กับซาติวาและอินดิกา เพื่อให้ได้คุณสมบัติทางยา

แต่เนื่องจากยังไม่มีผลวิจัยอย่างเป็นทางการถึงคุณสมบัติของกัญชาทั้ง 3 ชนิด ซึ่งถึงแม้นักวิชาการจะสามารถยืนยันได้ว่ามีความแตกต่างกัน แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมถึงสารที่มีอยู่ในกัญชาอย่าง THC ที่ส่งผลต่อจิตใจและประสาท รวมถึงสาร CBD ที่มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ก็ส่งผลต่อร่างกายของคนเราที่ไม่เหมือนกันด้วย

 

3. กัญชาออกฤทธิ์ได้ทันที

ตามปกติแล้วกัญชาจะแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง แต่ในบางครั้งอาจใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานกว่านั้น เพราะสำหรับบางคนอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่ฤทธิ์ของกัญชาจะซึมเข้าสู่ร่างกาย ที่อาจนานถึง 30 นาทีเลยทีเดียว

โดยกัญชาจะออกฤทธิ์ได้นานถึงประมาณ 3 ชั่วโมง แต่จะไม่เกิน 5-8 ชั่วโมง และสามารถอยู่ในกระแสเลือดได้นาน 1-6 เดือนขึ้นอยู่กับปริมาณ เนื่องจากสาร THC ที่อยู่ภายในกัญชาจะถูกสะสมไว้ในไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก่อนถูกปล่อยเข้ามาในกระแสเลือดทีละน้อย

 

4. กัญชาก่อให้เกิดมะเร็ง

เมื่อเห็นคนที่ดูดกัญชา เราอาจคิดไปว่ากัญชาสามารถก่อให้เกิดมะเร็งคล้ายบุหรี่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าในควันของกัญชามีสารที่ก่อมะเร็ง แต่ในปริมาณที่น้อยมาก อีกทั้งยังมีการศึกษาที่สรุปได้ว่าการใช้กัญชาในปริมาณมากจะไม่ทำให้เกิดมะเร็งปอดด้วย

นอกจากนี้ยังมีการวิจัยเพิ่มเติม ว่าสารสกัดจากกัญชายังอาจช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง และสามารถลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังส่วนอื่น ๆ ได้เช่นกัน

 

5. กัญชาส่งผลอันตรายถึงชีวิต

มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการเสพติดเกินขนาดจากกัญชา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะหากคุณได้รับกัญชาในปริมาณมากในครั้งเดียว ภายในเวลา 15 นาที ก็อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้

แต่สำหรับอาการที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อร่างกายเมื่อมีการใช้กัญชาที่มากเกินไป ก็จะมีทั้งเกิดความวิตกกังวล หวาดระแวง อาการวิงเวียนศีรษะ ภาพหลอนหรือภาพลวงตา ความดันโลหิตพุ่งสูง ปวดหัว แต่อาจไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

ถึงแม้ว่า 5 เรื่องเข้าใจผิดของกัญชา จะแสดงให้เห็นแล้วว่ากัญชาไม่ได้ส่งผลร้ายอย่างที่คิด แต่หากยังไม่มั่นใจ และต้องการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพ การเลือกใช้น้ำมันกัญชาอาจเป็นทางเลือกเหมาะสมกับสุขภาพมากกว่า เนื่องจากน้ำมันกัญชา เป็นสารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชา ที่ถูกนำมาเจือจางเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์ หรือ ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

ทำความรู้จักน้ำมันกัญชา อีกหนึ่งตัวเลือกเพื่อสุขภาพ

ดังจะเห็นว่าผู้ใหญ่ในหลายบ้านที่มองว่าน้ำมันกัญชา คือ ยาสารพัดโรค จนนำไปรักษาอาการต่าง ๆ เอง เช่น การใช้น้ำมันกัญชาในการหยอดหู หยอดตา หรือ การใช้น้ำมันกัญชารักษาสิว ซึ่งแท้จริงแล้วการใช้น้ำมันกัญชาควรอยู่ภายใต้การดูแลและได้รับคำแนะนำถึงวิธีการใช้อย่างปลอดภัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะน้ำมันกัญชาไม่ได้ใช้งานเหมือนกันทั้งหมด โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชาในบริเวณที่มีความเสี่ยงอย่างรอบดวงตา ยังเป็นการรักษาที่ไม่ได้รับการยอมรับ และไม่ควรทำด้วยตนเอง

สำหรับประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมันกัญชาที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ ก็เพื่อรักษาอาการและโรคบางชนิด เช่น บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง บำรุงสุขภาพ รวมถึงคลายอาการวิตกกังวล แต่ก็ควรได้รับคำแนะนำการใช้อย่างถูกวิธีด้วยเช่นกัน

สิ่งสำคัญในการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบชา หรือ น้ำมันกัญชา คือการเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมายอย่าง CBD Greenbird ผลิตภัณฑ์กัญชานำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้สายพันธุ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ เหมาะกับการใช้เพื่อดูแลสุขภาพร่างกาย

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *